ส.อ.ท. มุ่งยกระดับการดูแลความปลอดภัยผู้บริโภค
สภาอุตสาหกรรมฯ นำโดยสถาบันรหัสสากล (GS1 Thailand) นำเทคโนโลยีบาร์โค้ด 2 มิติ ที่สามารถรองรับข้อมูลได้จำนวนมาก ช่วยในการตรวจสอบที่มา คุณภาพ และความปลอดภัยของสินค้า รองรับอุตสาหกรรมค้าปลีก เฮลท์แคร์ การขนส่งและโลจิสติกส์ ตอบสนองความต้องการของคู่ค้าและตลาดโลกทั้งในปัจจุบันในยุคนิวนอร์มอล เพื่อเตรียมความพร้อมธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมไทยสู่เวทีโลก
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า สถาบันรหัสสากล หรือ GS1 Thailand เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรอยู่ภายใต้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีภารกิจหลักในการเป็นนายทะเบียนออกเลขหมายบาร์โค้ดมาตรฐานสากล GS1 ประจำประเทศไทย ทำหน้าที่สนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาการประยุกต์ใช้บาร์โค้ดมาตรฐานสากล GS1 ในระบบซัพพลายเชนและโลจิสติกส์ตลอดจนระบบการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าในภาคอุตสาหกรรมไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับงานประชุมใหญ่ภายใต้หัวข้อ “GS1 Cares” ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์สอดคล้องกับนโยบายการบริหารงานและยุทธศาสตร์ “Service Organization” ของ ส.อ.ท. ที่มุ่งยกระดับ SMEs และภาคอุตสาหกรรมไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก โดยในวันนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาให้ข้อมูลความรู้ รวมถึงแบ่งปันประสบการณ์ในการนำเทคโนโลยีมาช่วยบริหารจัดการซัพพลายเชน โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีบาร์โค้ด 2 มิติ มาใช้ในการตรวจสอบย้อนกลับสินค้า ที่จะทำให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค เพิ่มความน่าเชื่อถือ เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและการบริการ ตลอดจนเพิ่มโอกาสทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ
นายธนารักษ์ พงษ์เภตรา รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานคณะกรรมการสถาบันรหัสสากล กล่าวเสริมว่า บาร์โค้ดมาตรฐาน GS1 ไม่ได้เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการซื้อขายหรือนำสินค้าเข้าห้างเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นเทคโนโลยีที่สามารถดูแลความปลอดภัยของผู้บริโภคตลอดจนซัพพลายเชนทั้งหมดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีบาร์โค้ด 2 มิติ ซึ่งเป็นบาร์โค้ดขนาดเล็กที่สามารถรองรับข้อมูลจำนวนมาก เช่น หมายเลข Batch / Lot หมายเลขซีเรียล วันที่ควรบริโภคก่อนวันหมดอายุ ซึ่งเป็นข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการตรวจสอบย้อนกลับที่มาของสินค้า ช่วยในเรื่องของความปลอดภัยสินค้า ซึ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคต โดยถูกนำมาใช้มากขึ้นในอุตสาหกรรมค้าปลีก เฮลท์แคร์ การขนส่งและโลจิสติกส์ ช่วยให้สามารถระบุบ่งชี้สินค้าได้ดีขึ้นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สถาบันฯ ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็น จึงได้มุ่งเน้นส่งเสริมการใช้งานบาร์โค้ด 2 มิติ และมาตรฐานการตรวจสอบย้อนกลับ ( Traceability) ที่ทั่วโลกต่างเห็นความสำคัญมากขึ้น เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน พร้อมกับตอบสนองความต้องการของคู่ค้าและตลาดโลกทั้งในปัจจุบันและในอนาคต และเตรียมความพร้อมของธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมไทยสู่เวทีโลก