อังคาร. พ.ย. 26th, 2024

“โออิชิ กรุ๊ป” “ให้” มากกว่ารสชาติ คือความ “ใส่ใจ” ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยรับ New Normal

โออิชิ กรุ๊ป พร้อมต้อนรับลูกค้าด้วยมาตรการความปลอดภัยสูงสุด หลังจากปิดให้บริการตามคำสั่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  วันนี้ โออิชิกลับมามอบความอร่อยอีกครั้ง พร้อมยกระดับความปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า

นงนุช บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทตระหนักถึงความปลอดภัยของลูกค้าเป็นสำคัญ การกลับมาเปิดให้บริการร้านอาหารในเครือโออิชิอย่างเต็มรูปแบบในครั้งนี้ จำนวน 269 สาขา ได้แก่  โออิชิ แกรนด์, โออิชิ อีทเทอเรียม, โออิชิ บุฟเฟต์, นิกุยะ, ชาบูชิ, โฮว ยู, โออิชิ ราเมน, คาคาชิ และโอโยกิ นอกจากการส่งมอบอาหารญี่ปุ่นที่ให้ความอร่อยและมีคุณภาพแล้ว เรายังใส่ใจในด้านความปลอดภัยอย่างสูงสุด โดยยึดมาตรฐานตามแนวทางการปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ด้วยมาตรการต่าง ๆ ดังนี้

  • การคัดกรองสุขภาพของพนักงาน จากนโยบายให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของพนักงานในเครือบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยการจัดตั้ง คลินิกตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการที่ได้ผ่านการทดสอบความชำนาญทางห้องปฏิบัติการจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเพิ่มศักยภาพในการตรวจคัดกรองพนักงานของบริษัทสามารถตรวจหาเชื้อ โควิด-19 โดยใช้เทคนิคแบบ Real time PCR โดยใช้เครื่องมือและเกณฑ์การตรวจตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) และ Centers for Disease Control and Prevention (CDC) เพื่อเป็นศูนย์ในการตรวจหาเชื้อ ช่วยป้องกันการแพร่ระบาด และสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของพนักงานในการที่จะให้บริการลูกค้า ทางโออิชิ กรุ๊ป จึงได้ส่งพนักงานที่อยู่หน้าร้านเข้ารับการตรวจเชื้อโควิด-19 ที่คลินิกดังกล่าว เป็นการยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยทั้งของตัวพนักงานเอง และยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการในร้านอาหารในเครือโออิชิ นอกจากนั้นยังมีการตรวจวัดอุณหภูมิพนักงานก่อนเข้าปฏิบัติงานในร้าน และทำการล้างมือฆ่าเชื้อทุกครั้ง หลังจากนั้นจึงสวมถุงมือ สวมหน้ากาก และ Face Shield พร้อมทำความสะอาดมือด้วยแอลกอฮอล์ 70% ก่อนและหลังให้บริการทุกครั้ง

  • การปรับรูปแบบให้บริการ โดยในกลุ่มร้านที่เป็นบุฟเฟต์ เปลี่ยนเป็นการปรุงอาหารตามที่ลูกค้าสั่งและให้พนักงานเสิร์ฟ

  • การรักษาความสะอาดภายในร้าน เข้มงวดด้านความสะอาดของภาชนะและอุปกรณ์รับประทานอาหาร ไม่วางไว้ส่วนกลาง แต่ส่งหรือเสิร์ฟให้ลูกค้าโดยตรง ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อด้วยความร้อนที่ 82 – 96 องศาเซลเซียส แล้วบรรจุในถุงพลาสติกอย่างดี เสิร์ฟให้ลูกค้าเป็นชุด ๆ แทนการไปหยิบใช้เอง รวมทั้งเปลี่ยนอุปกรณ์ส่วนกลางที่ให้บริการบริเวณเคาน์เตอร์ทุก 1 ชั่วโมง ด้านโต๊ะ-เก้าอี้ เคาน์เตอร์ พื้น และจุดสัมผัสต่าง ๆ หมั่นทำความสะอาดด้วยสารฆ่าเชื้ออยู่เสมอ และก่อนปิดร้านมีการทำความสะอาดใหญ่ในทุกจุดอย่างละเอียดทั่วถึง พร้อมมีการกำจัดขยะอย่างถูกวิธี

  • การลดการสัมผัสในการสั่งอาหาร ลดการสัมผัสตอบรับการใช้ชีวิตวิถีใหม่ ‘New Normal’ โดยพัฒนา “ระบบสั่งอาหารไร้สัมผัส” (QR Oder) เป็นระบบการสั่งอาหารผ่านการสแกน QR Code โดยใช้โทรศัพท์ลูกค้าเพื่อแสดงสมาร์ทเมนู ระบบนี้เริ่มใช้แล้วที่ ร้านโออิชิ แกรนด์, โออิชิ บุฟเฟต์, โออิชิ อีทเทอเรียม, ชาบูชิ และกำลังทยอยใช้ในร้านอื่น ๆ ต่อไป

  • การบริการส่งอาหาร (Delivery) พนักงานส่งอาหารต้องใส่หน้ากากตลอดเวลาขณะปฏิบัติงาน รักษาระยะห่างกับลูกค้าไม่น้อยกว่า 1 เมตร ล้างมือก่อนออกไปส่งสินค้า และทำความสะอาดมือด้วยแอลกอฮอล์ 70% ระหว่างปฏิบัติงานอยู่เสมอ พร้อมทั้งใช้อุปกรณ์ฆ่าเชื้อฉีดทำความสะอาดกล่องที่ใช้ส่งอาหาร แฮนด์รถจักรยานยนต์ หมวกกันน็อค และกุญแจรถ ทุกครั้งหลังจากการใช้งานเสร็จในแต่ละรอบการจัดส่ง

ด้านความปลอดภัยของลูกค้า เราให้การต้อนรับลูกค้าด้วยความใส่ใจและปฏิบัติตามแนวทางของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) และกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ได้แก่

1.มาตรการ Social Distancing การจัดโต๊ะที่นั่งภายในร้านเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1-1.5 เมตร และติดตั้งฉากกั้นใสบริเวณโต๊ะที่ลูกค้านั่งรับประทานอาหารรวมถึงบริเวณเคาน์เตอร์แคชเชียร์ ส่วนบริเวณหน้าร้านสำหรับลูกค้ารอคิว ก็มีการจัดระยะห่าง 1 เมตรเช่นเดียวกันพร้อมทำสัญลักษณ์ที่ชัดเจน

2.การคัดกรองก่อนเข้าร้าน เรามีเจ้าหน้าที่คอยตรวจวัดอุณหภูมิลูกค้า พร้อมบริการแอลกอฮอล์ 70%ให้กับลูกค้าทำความสะอาดมือก่อนเข้าร้าน และขอความร่วมมือให้ลูกค้าใส่หน้ากากอนามัยเมื่อเข้ารับบริการที่ร้าน พร้อมให้ลูกค้าลงสแกน QR code “ไทยชนะ” ตามที่ทาง ศบค.ขอความร่วมมือ

3.การทำความสะอาดมือก่อนทานอาหาร โดยทางร้านมีการจัดวางแอลกอฮอล์ 70% ไว้ภายในร้านให้ลูกค้าทำความสะอาดมือก่อนรับประทานอาหาร

4.การชำระเงินแบบไร้สัมผัส (Contactless Payment) โดยชำระผ่านคิวอาร์โค้ด เป็นการลดการสัมผัสและอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า

5.การจองโต๊ะล่วงหน้าผ่าน BevFood Application ลูกค้าสามารถเลือกแบรนด์ เลือกสาขา ระบุวันที่ เวลา และจำนวนที่จองโต๊ะผ่าน Application จากนั้นเจ้าหน้าที่จะส่งข้อความติดต่อกลับเพื่อยืนยันสถานะการจอง เพื่อที่ลูกค้าไม่ต้องมายืนรอคิวที่หน้าร้าน เป็นบริการที่ลูกค้าเริ่มหันมาใช้กันมากขึ้นในช่วง New Normal

“การปรับยุทธวิธีให้สอดคล้องกับสถานการณ์เฉพาะหน้าและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงการนำเทคโนโลยี-ดิจิทัลมาปรับใช้อย่างเหมาะสม และที่สำคัญที่สุดคือต้องลงมือทำอย่างจริงจังและเร็วที่สุด เป็นกลยุทธ์หลักที่จะช่วยให้เรารับมือกับสถานการณ์โควิด-19 และสร้างความแข็งแกร่งให้เราก้าวต่อไปอย่างยั่งยืน” นงนุช กล่าวปิดท้าย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *