พฤหัส. พ.ย. 28th, 2024

สวยฉ่ำ!!! มงลง กับ Skin radiance

หน้าสวยใสไม่ต้องโบกรองพื้นหนาๆ คอยปกปิดปัญหาริ้วรอย ร่องลึก หลุมและรูขุมขน ก็เมื่อผิวธรรมชาติของเรามีความเนียนละเอียด คุณภาพดีและมีความอุ้มน้ำ แบบที่สามารถโชว์ผิวสดๆ กันได้เลย ด้วยโปรแกรม Skin Radiance ที่ช่วยสร้างผิวที่สวยฉ่ำน้ำ ผิวดูเด็กแบบเป็นธรรมชาติ

พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์ (หมอออย) แพทย์เทรนนิ่งผู้มากประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้าแห่ง รมย์รวินท์ คลินิก (Romrawin Clinic) หนึ่งในสามผู้คิดค้นเทคนิคการฉีดผิวให้สวยฉ่ำมงลงด้วยโปรแกรม Skin Radiance มีคำแนะนำแบบ Exclusive สำหรับผู้ที่กำลังมองหาวิธีการแก้ปัญหาผิวแห้ง ขาดน้ำ และอยากมีผิวเด้งเนียนอย่างเป็นธรรมชาติจากภายในสู่ภายนอก

โปรแกรม Skin Radiance ทำอย่างไร?

Skin Radiance คือ การใช้สารเติมเต็มหรือสาร Hyaluronic acid (HA) ชนิดอ่อน (Low cross-linking) ในจากเติมผิวชั้นบน ให้เกิดแสงและเงาบนผิวตามธรรมชาติ เลียนแบบวิธีการแต่งหน้าเพื่อไฮไลท์จุดที่ต้องการให้โดดเด่นและเกิดความพุ่ง เพื่อสร้างมิติ (Projection) อย่างบริเวณหน้าแก้ม ซึ่งจะช่วยให้ใต้ตาดูลึกน้อยลง ผิวข้างแก้มที่แห้งกร้านดูดีขึ้น โดยการออกแบบการฉีด ข้างละ 16 จุด เป็นรูปนาฬิกาทราย (Hourglass) ซึ่งดีไซน์ของรูปทรงอาจจะแตกต่างไปตามรูปหน้าของแต่ละบุคคล

โปรแกรม Skin Radiance เหมาะกับใคร?

–  คนที่มีปัญหาผิวหน้าแห้ง ขาดน้ำ

–  คนที่มีปัญหาริ้วรอย

–  คนที่มีผิวไม่แข็งแรง ขาดความยืดหยุ่น ต้องการให้ผิวแน่น ดูเต่งตึงขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ

–  คนที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน รูขุมขนกว้าง

–  คนที่หน้าดูเหนื่อย ดูผิวโรยเหมือนคนอดนอน

– คนที่ต้องการผิวฉ่ำวาว เปล่งปลั่ง สามารถทำร่วมกับการรักษาอื่นๆ เช่น การฉีดสารโบทูลินัมท็อกซิน (Botox สารเต็มเติมหรือการทำเลเซอร์ เป็นต้น

ผลลัพธ์ของ Skin radiance เป็นอย่างไร?

–  ผิวหน้าฉ่ำว้าว อุ้มน้ำอย่างเป็นธรรมชาติ

–  ผิวเรียบเนียน รูขุมขนเล็กลง

–  ริ้วรอยจางลง

–  คุณภาพผิวดีขึ้น แข็งแรง ยืดหยุ่น เพราะมีการกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนใต้ผิว

–  หน้าแก้มเหมือนได้รับการไฮไลท์ โชว์ผิวสวยได้โดยที่ไม่ต้องแต่งหน้าเยอะ

หลังทำโปรแกรม Skin radiance ต้องรอผลนานเท่าไร และมีข้อห้ามอะไรบ้าง?

สามารถเห็นผลลัพธ์ของผิวที่ดีขึ้นได้ในทันทีหลังทำ ผิวจะดูเรียบเนียนขึ้นเรื่อยๆ จนแลดูเป็นธรรมชาติภายใน 7-14 วัน ทั้งนี้หัตถการที่มีการใช้เข็ม อาจเกิดรอยช้ำ บวม ในบางตำแหน่งได้ อาจจะต้องรอผลจนรอยช้ำที่ผิวหายจะเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน ดังนั้นการทำหัตถการอย่างระมัดระวังในคนที่มีเส้นเลือดฝอยบริเวณหน้าแก้มเยอะๆ หรือคนที่รับประทานยาหรือวิตามินที่มีส่วนให้เลือดหยุดช้า เช่น ยาแอสไพริน น้ำมันตับปลา วิตามินอีและสารสกัดจากโสม เป็นต้น ผลลัพธ์ของการรักษาอยู่ได้ยาวนาน 4-6 เดือน โดยอาจจะอยู่ได้สั้นลงถ้ามีระดับความรุนแรงของปัญหาผิวสูง เช่น ถ้าใบหน้าเดิมมีปัญหาขาดวอลลุ่มเยอะอยู่แล้วจากอายุที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้ผลลัพธ์เสมือนอยู่ได้สั้นลง จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ก่อนการรักษา เพื่อเลือกการรักษาที่ตอบโจทย์กับความต้องการและปัญหาผิวได้ดีที่สุด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *