ศุกร์. พ.ย. 22nd, 2024

นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ เปิดตัวครั้งแรกในเอเชียที่ประเทศไทย

ประเทศไทย เป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ที่เปิดตัว นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.0 ลิตร รถยนต์แบบซีดานอัจฉริยะสำหรับการใช้งานในเมืองที่สมบูรณ์แบบ

อัลเมร่า ใหม่ ได้รับการออกแบบให้ มีเสน่ห์ ทันสมัย และตื่นเต้นเร้าใจ เปิดตัวในงาน ‘Challenge All Beliefs’ ระดับโลกที่กรุงเทพฯ นิสสันท้าทายความเชื่อเดิม ๆ ที่ผ่านมาทั้งหมดเกี่ยวกับรถยนต์ซีดานในเซ็กเมนต์นี้ด้วย นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ ซึ่งออกแบบอย่างประณีต และเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยขึ้นไปอีกขั้น

เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบ รหัส HRA0 ของ นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ ให้กำลังมากสูงสุด 100 พีเอส (Ps) และแรงบิดถึง 152 นิวตันเมตร (Nm) มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงสุดถึง 23.3 กม. ต่อลิตร* มีอัตราเร่งความเร็วสูงจากแรงบิดแบบต่อเนื่อง (Flat Torque) สมรรถนะของอัลเมร่า ใหม่ จึงโดดเด่นในรถยนต์กลุ่มซิตี้คาร์

“นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ เป็นรถอินเทลลิเจนท์ เออเบิน ซีดาน ที่ครองใจครอบครัวคนรุ่นใหม่ และกลุ่มมิลเลนเนียล โดยยกระดับความปลอดภัยด้วยนวัตกรรมขั้นสูง มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าของเราทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่กำลังจะซื้อรถยนต์คันใหม่ สามารถมั่นใจ และตัดสินใจซื้อรถยนต์คันสำคัญของพวกเขาได้อย่างไม่ลังเลใจ” ราเมช นาราสิมัน ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าว

นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ มีดีไซน์ที่ทันสมัย ภายในสะดวกสบาย และกว้างขวาง สร้างความประทับใจแก่ผู้ขับขี่ตั้งแต่ครั้งแรก เทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อความปลอดภัยจะช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้านิสสัน โดยเฉพาะครอบครัวขนาดเล็ก และกลุ่มมิลเลนเนียล

ภายใต้การออกแบบใหม่ ดีไซน์ให้มิติภายนอกปราดเปรียวขึ้น กว้าง และยาวขึ้น ภายใต้ปรัชญาในการสร้างสรรค์รถยนต์ของนิสสัน แบบ “รูปทรงเรขาคณิตที่สื่อถึงอารมณ์ หรือ Emotional Geometry” นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ มีองค์ประกอบที่โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ เช่น กระจังหน้าแบบ V-Motion ไฟหน้าและไฟท้ายทรงบูมเมอแรง แนวเสาหลังคาหลังที่ถูกยกขึ้น (kick-up C-pillars) และ หลังคาแบบลอยตัว (floating roof)

ภายในของ นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด เพื่อรองรับแผงหน้าปัดแบบใหม่ หน้าจออินโฟเทนเมนต์ พวงมาลัยและที่นั่งผู้โดยสาร และภายในห้องโดยสารถูกออกแบบอย่างมีสไตล์ ใช้วัสดุคุณภาพสูงที่เน้นความประณีตในการประกอบ พร้อมด้วยพื้นที่ว่างเหนือศีรษะ และพื้นที่วางขาที่กว้างขวาง คงไว้ซึ่งความเป็นผู้นำในด้านความกว้างขวางที่ดีที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน

นอกจากนี้ นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ ยังโดดเด่นด้วยเทคโนโลยี นิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี (Nissan Intelligent Mobility) ที่ช่วยตรวจสอบความปลอดภัยและป้องกันผู้ขับขี่และผู้โดยสายบริเวณด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลังของรถ เทคโนโลยีที่น่าตื่นเต้นเป็นองค์ประกอบสำคัญในวิสัยทัศน์ของนิสสัน เกี่ยวกับพลังงานที่ใช้ขับเคลื่อน วิถีของการขับขี่ และการบูรณาการรถยนต์ให้เข้ากับสังคม

เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดใน นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ ซึ่งมีนวัตกรรมด้านความปลอดภัยที่ดีที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน ได้แก่ เทคโนโลยีสัญญาณเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์ด้านหน้าขณะขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning – IFCW) เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB) เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) และเทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert – RCTA) เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM) และเทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection – MOD) ด้วยกล้องสี่ตัวที่ด้านหน้า ด้านหลังและด้านข้าง รอบคัน

ระบบอินโฟเทนเมนต์ NissanConnect พร้อมหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ AIVI ช่วยให้ลูกค้าสะดวกสบายด้วยการนำระบบสาระและความบันเทิง ระบบนำทาง ระบบความปลอดภัย ระบบรักษาความปลอดภัยและอื่น ๆ ภายใต้แพลตฟอร์มเดียวด้วยการเชื่อมต่อที่ราบรื่นผ่านสมาร์ทโฟน

นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ มีทั้งหมดห้ารุ่นย่อย ได้แก่ S, E, EL, V และ VL มาพร้อม 6 สี ได้แก่ สีแดง เรเดียนท์ เรด (Radiant Red) สีส้ม โมนาร์ช (Monarch Orange) สีขาว สตอร์ม ไวท์ (Storm White) สีดำ แบล็ค สตาร์ (Black Star) สีเทา กัน เมทาลิค (Gun Metallic) และสีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์ (Brilliant Silver)

  • รุ่น S: 499,000 บาท
  • รุ่น E: 509,000 บาท
  • รุ่น EL: 559,000 บาท
  • รุ่น V: 599,000 บาท
  • รุ่น VL: 639,000 บาท

ทั้งนี้ นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ พร้อมจำหน่ายตั้งแต่วันนี้ และจะเริ่มส่งมอบรถในเดือนธันวาคม 2562 เป็นต้นไป พร้อมการประกันรถยนต์เป็นเวลา สามปีหรือ 100,000 กิโลเมตร

*ตามมาตรฐานการวัดค่าไอเสียและอัตราสิ้นเปลือง NEDC (New European Driving Cycle)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *