ผลสำรวจชี้คนไทยอัปเดตข้อมูลและปัญหาสุขภาพผ่านโซเชียลทุกแพลตฟอร์ม
การก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยของประเทศไทย นับเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่กำลังจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต การสร้างความตระหนักถึงความจำเป็นในการดูแลรักษาสุขภาพร่างกายตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมาก กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ประเมินว่าในพ.ศ. 2564 สัดส่วนของจำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นไปถึงร้อยละ 20-30 แสดงว่าประชากรทุก ๆ 100 คนจะพบจำนวนผู้สูงอายุ 30 คน และจะเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบในพ.ศ. 2568 โครงการสำรวจการเปิดรับสื่อเรื่องสุขภาพของประชาชนในประเทศไทยจึงเกิดขึ้น ภายใต้ความร่วมมือระหว่างคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ เอบีเอ็ม คอนเนค ดิจิทัลพีอาร์เอเจนซี่ชั้นนำของประเทศไทย โดยได้มีการจัดทำแบบสำรวจการเปิดรับสื่อเรื่องสุขภาพของประชาชน ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกเจเนอเรชั่นจากทั่วทุกภูมิภาค ผ่านช่องทางออนไลน์ในช่วงไตรมาส 4/2564 จากกลุ่มตัวอย่าง750 คน เพื่อเก็บข้อมูลและปัญหาของช่องทางการสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ ที่จะนำไปสู่การปรับแก้ความเข้าใจผิดในการรับข้อมูลข่าวสารที่อาจส่งผลต่อสุขภาพในภายหลังได้
รศ.กัลยกร วรกุลลัฎฐานีย์ คณบดีคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า คนไทยมีความตื่นตัวเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ และเปิดรับข้อมูลข่าวสารทางการแพทย์เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากพวกเขามองว่า ปัญหสุขภาพส่วนตัวที่พบบ่อย ภาวะสุขภาพของคนในสังคม เช่น สังคมสูงวัย โรคติดต่อไม่เรื้อรัง มาถึงภาวะโรคระบาดที่ขยายวงไปทั่วโลก เป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกคน แต่ความตื่นตัวและความต้องการทราบข้อมูล ที่รวดเร็วในทันที อาจเกิดการเชื่อตาม ๆ กัน หรือส่งต่อข้อมูลที่ไม่ถูกต้องในบางครั้ง การสำรวจครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่นักศึกษาจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับอิทธิพลของการสื่อสาร และบทบาทของนักสื่อสารที่จะพบจากประสบการณ์การทำงานจริง “ความท้าทายของโครงการนี้คือ เป็นแบบฝึกหัดที่นักศึกษาจะได้ลงมือปฎิบัติจริง บนพื้นฐานของการพิจารณาความต้องการของกลุ่มเป้าหมายและการเปิดรับสื่อในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ซึ่งเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจในวงกว้าง เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปใช้กำหนดทิศทางสำหรับการวางแผนประชาสัมพันธ์ในแง่มุมต่าง ๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรม และได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ สอดรับกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายและเป้าประสงค์ในการประชาสัมพันธ์” รศ.กัลยกร กล่าว
สื่อโซเชียล โทรทัศน์ ปากต่อปาก ช่องทางหลักเปิดรับข้อมูลสุขภาพ
ในการสำรวจนี้ กลุ่มตัวอย่างมีสัดส่วนใกล้เคี