โออาร์ รวมพลังผู้แทนจำหน่าย พีทีที สเตชั่น ทั่วประเทศ ร่วมบริจาครวมกว่า 23 ล้านบาท ให้โรงพยาบาลใน 77 จังหวัด
โออาร์ จับมือผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น (PTT Station) ทั่วประเทศ ร่วมเติมเต็มความห่วงใย ช่วยไทยพ้นวิกฤติ โควิด-19 มอบเงินบริจาครวมกว่า 23 ล้านบาท สนับสนุนโรงพยาบาลและหน่วยงานสาธารณสุขใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ ในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ และตัวแทนของผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในเขตกรุงเทพมหานคร ร่วมมอบเงินบริจาค จำนวน 1,000,000 บาท ให้กับโรงพยาบาลสิรินธร โดยมี นายแพทย์ยุทธนา เศรษฐนันท์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิรินธร เป็นผู้รับมอบ ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินที่ผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในเขตกรุงเทพมหานครได้ร่วมใจกันบริจาค และโออาร์ร่วมสมทบทุนด้วย 379,000 บาท พร้อมกันนี้ ผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ ยังได้ร่วมมอบเงินบริจาคให้กับโรงพยาบาลต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดของตนเอง รวมจำนวน 15,061,554 บาท โดยโออาร์ได้ร่วมสมทบทุนให้แต่ละจังหวัด อีกจังหวัดละ 100,000 บาท
นางสาวจิราพร กล่าวว่า “ในวันที่ประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤติ พลังแห่งความร่วมมือคือสิ่งสำคัญยิ่งในการช่วยเหลือเกื้อกูลให้ทุกภาคส่วนของสังคมไทยก้าวพ้นช่วงเวลายากลำบากนี้ไปด้วยกัน โออาร์และผู้แทนจำหน่าย พีทีที สเตชั่น ที่มีอยู่กว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ มีความห่วงใยและความตั้งใจในการร่วมเติมเต็มความช่วยเหลือผ่านการสนับสนุนภารกิจของโรงพยาบาล หน่วยงานสาธารณสุข และบุคลากรทางการแพทย์เป็นการเร่งด่วน ในสภาวะการณ์ที่การระบาดของโควิด-19 ยังคงรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
โครงการ พีทีที สเตชั่น เติมเต็มความห่วงใยร่วมช่วยไทยพ้นวิกฤติ โควิด-19 พร้อมกันทั่วประเทศในครั้งนี้ เป็นการระดมความร่วมมือจากผู้แทนจำหน่าย พีทีที สเตชั่น ทั่วประเทศ เพื่อส่งมอบความช่วยเหลืออย่างตรงจุด โดยผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในแต่ละจังหวัดในฐานะที่อยู่ในพื้นที่จะเป็นผู้คัดเลือกสถานพยาบาลและหน่วยงานสาธารณสุขที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลที่เป็นศูนย์กลางในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 โรงพยาบาลประจำจังหวัด หรือหน่วยงานสาธารณสุขในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้เงินทุนสนับสนุนในครั้งนี้สามารถตอบสนองต่อการแก้ปัญหาสถานการณ์โควิด-19 อย่างตรงจุดและครอบคลุม ถือเป็นการร่วมมือเพื่อสร้างผลลัพธ์เชิงบวกในการแก้ปัญหา สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ โออาร์ ที่มุ่งเน้นการเติบโตแบบมีส่วนร่วม (Inclusive Growth) และให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน พนักงาน คู่ค้า ตัวแทนจำหน่าย ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มในทุกพื้นที่ที่โออาร์เข้าไปดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างชุมชนที่น่าอยู่ (Living Community) และเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
สำหรับโรงพยาบาลสิรินธร เป็นโรงพยาบาลที่โออาร์และผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในเขตกรุงเทพมหานครได้ร่วมกันคัดเลือก โดยพิจารณาจากโรงพยาบาลที่ต้องรองรับผู้ป่วยทั้งการรับรักษาผู้ติดเชื้อ การคัดกรอง และการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวนมาก และยังขาดแคลนสิ่งของจำเป็นและเวชภัณฑ์สำหรับผู้ป่วย นอกจากนี้ ยังมีตัวอย่างการร่วมบริจาคให้โรงพยาบาลในจังหวัดต่าง ๆ อาทิ ร่วมบริจาคให้โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จ. นนทบุรี รวมจำนวน 404,000 บาท ร่วมบริจาคให้โรงพยาบาลปทุมธานี จ. ปทุมธานี รวมจำนวน 650,000 บาท และร่วมบริจาคให้โรงพยาบาลบางพลี จ.สมุทรปราการ รวมจำนวน 290,000 บาท เป็นต้น
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ เมื่อเดือนเมษายน 2564 ที่ผ่านมา โออาร์ ได้ส่งมอบความช่วยเหลือแก่ชุมชนและสังคมในรูปแบบต่าง ๆ อย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคเงินให้โรงพยาบาล เพื่อร่วมก่อตั้งโรงพยาบาลสนามเชียงใหม่ การมอบสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น เช่น แอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาด น้ำดื่ม ให้แก่โรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม หน่วยงานสาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ ในจังหวัดที่มีสถานประกอบการของโออาร์ตั้งอยู่ รวมไปถึงมอบความช่วยเหลือให้ชุมชนคลองเตย รวมมูลค่าอีกกว่า 35 ล้านบาท ตลอดจนมอบความช่วยเหลือให้แก่คู่ค้า ลูกค้า ผู้แทนจำหน่ายที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกคนสามารถผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน
นอกจากนี้ โออาร์ ยังได้ร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยในการจัดหน่วยบริการวัคซีนโควิด-19 สำหรับประชาชน โดยจัดเตรียมพื้นที่ในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น พระราม 2 (ขาออก) สามารถรองรับผู้ใช้บริการได้วันละ 1,500 คน รวมทั้งเตรียมสนับสนุนอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และอาสาสมัครสามารถปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอนได้อย่างสะดวกราบรื่นที่สุด โดยพร้อมเริ่มให้บริการตามระยะเวลาที่กรุงเทพมหานครกำหนดไปจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2564