อาทิตย์. พ.ย. 24th, 2024

โตโยต้า เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจชุมชนไทยสู่ความยั่งยืน

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ OTOP และ SMEs ภายใต้โครงการ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” ประจำปี 2563 จำนวน 6 ราย โดยได้นำองค์ความรู้ที่เกิดจากการทำธุรกิจของโตโยต้าทั่วโลกกว่า 75 ปี อาทิ ระบบการผลิตแบบโตโยต้า และหลักการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง (ไคเซ็น) มาถ่ายทอดและร่วมปรับปรุง พร้อมทั้งติดตามผลการไคเซ็นด้วยตนเอง เพื่อยกระดับธุรกิจที่มีศักยภาพในการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้ก้าวสู่การเป็น “ศูนย์การเรียนรู้โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” ประจำภูมิภาค พร้อมเดินหน้าขยายผลโครงการสู่อีก 10 ธุรกิจ เพื่อเป็นรากฐานในการส่งมอบความรู้สู่ผู้ประกอบการทั่วประเทศต่อไป

“โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” คือ โครงการนวัตกรรมสังคมของโตโยต้า ที่มุ่งเน้นการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจผ่านการสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจฐานรากผ่านการพัฒนาศักยภาพให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน โดยตลอดระยะเวลากว่า 8 ปีที่ผ่านมา โตโยต้าได้ร่วมมือกับผู้แทนจำหน่ายฯ ในการเฟ้นหาธุรกิจที่มีความต้องการปรับปรุงธุรกิจ เพื่อส่งเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นพนักงานเกษียณอายุของโตโยต้าที่มีประสบการณ์ด้านระบบการผลิตแบบโตโยต้าและหลักการไคเซ็น เข้าไปช่วยเหลือธุรกิจชุมชนในลักษณะของการเป็น “พี่เลี้ยงทางธุรกิจ” โดยให้เจ้าหน้าที่ร่วมศึกษาถึงสาเหตุของปัญหา พร้อมนำองค์ความรู้ของโตโยต้า เข้าไปถ่ายทอดและปรับปรุงระบบการจัดการปัญหาของธุรกิจ เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าใจถึงหลักการแก้ปัญหาตามแนวปฏิบัติของโตโยต้าในทุกขั้นตอน และนำไปใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ โครงการโตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์มีการกำหนดผลสำเร็จในการถ่ายทอดองค์ความรู้ โดยวัดผลผ่าน 5 ดัชนี  ชี้วัดทางธุรกิจ อันได้แก่ ประสิทธิผลการผลิต คุณภาพ (ลดของเสียที่เกิดจากการผลิต) การส่งมอบ การจัดการสินค้าคงคลัง และ การบริหารต้นทุนในกระบวนการ โดยใช้การประยุกต์แนวทางการนำองค์ความรู้มาใช้ให้เหมาะสมกับบริบทและความพร้อมของธุรกิจชุมชนนั้นๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินงานปรับปรุงต่อได้ด้วยตนเองอย่างมืออาชีพ สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม ธุรกิจสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน อันจะเป็นการสร้างการจ้างงานในท้องถิ่น สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน ตลอดจนเสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่เศรษฐกิจฐานรากของประเทศไทยต่อไป

โดยในปีนี้ บริษัทฯ ได้ทำการส่งมอบโครงการฯ ที่ผ่านกิจกรรมการปรับปรุงธุรกิจ ระหว่างปี 2562-2563 แก่ผู้ประกอบการ 6 ราย โดยมีรายละเอียดธุรกิจ และ ผลสำเร็จในการปรับปรุงดังนี้

1.บริษัท ลัลณ์ลลิตไบโอเทค จำกัด สระบุรี ผลิตและจำหน่ายเชื้อเห็ด ปรับปรุงธุรกิจโดยปรับสายการผลิตในกระบวนการกรอกข้าวฟ่างใหม่ ผลผลิตเพิ่มขึ้น 2,000 ขวด/วัน รายได้เพิ่มขึ้น 364,000 บาท/เดือน พร้อมจัดการสินค้าคงคลังสร้างมาตรฐานการจัดการวัตถุดิบข้าวฟ่าง ลดต้นทุนได้กว่า 140,000 บาท

2. บริษัท ดีไลท์ 88 จํากัด จ.อุบลราชธานี ผลิตและจำหน่ายก๋วยจั๊บกึ่งสำเร็จรูปจั๊บจั๊บ ปรับปรุงกระบวนการอบเส้น เพื่อลดเวลาการอบ ปรับสายการผลิตในกระบวนการบรรจุเส้นใส่ซองโดยไม่ลดงานไม่จเป็น ผลผลิตเพิ่มขึ้น 5,824 ซอง/เดือน สร้างมาตรฐานในกระบวนการการปั้นเส้นให้มีความสม่ำเสมอ ปรับปรุงขั้นตอนการบรรจุซอง ลดความสูญเสียในกระบวนการ ลดของเสียในกระบวนการผลิตได้ 65,442 บาท / เดือน

3.บริษัท แปลนครีเอชั่นส์ จำกัด จ.ตรัง ผลิตและจำหน่ายของเล่นไม้ Plantoy  สร้างมาตรฐานการจัดการสินค้าคงคลังโดยใช้ระบบ Just in time ทั้งส่วนของการวางแผนการขาย-ผลิต และ การจัดเตรียมวัตถุดิบ ลดจำนวนสินค้าคงคลังและต้นทุนในกระบวนการ ลงได้ 18.81 ล้านบาท

4.กลุ่มหมอนฟักทอง อสม.จ.มหาสารคาม ผลิตและจำหน่ายหมอนสุขภาพ ปรับเรียบกระบวนการ ช่วยลดการรองาน ผลิตสินค้าหมอนรองคอได้เพิ่ม จาก 128 ชิ้น/วัน เป็น 160 ชิ้น/วัน (25%) ปรับปรุงกระบวนการขนส่งสินค้า โดยกำหนดงานมาตรฐานที่ออกแบบให้ สามารถใช้ทรัพยากรในการขนส่งต่อรอบได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วยลดต้นทุนการขนส่งลง 34% ลดต้นทุน 2.44 บาท / ชิ้น เพิ่มกำไร 60,725 บาท / เดือน

5.บริษัท สันติภาพ(ฮั่วเพ้ง 1958) จำกัด จ.ชุมพร ผลิตและจำหน่ายปลากระป๋องตรานกพิราบ ลดความสูญเสียในสายการผลิต และกระบวนการทำงานที่ไม่จำเป็นลดความสูญเสียในสายการผลิตได้ 20%

6.หจก.สักสยามอุตสาหกรรม จ.สุพรรณบุรี ผลิตและจำหน่ายกรอบรูปไม้  ถ่ายทอดหลักการบริหารสินค้าคงคลังแบบ Just In Time แยกประเภทสินค้าเคลื่อนไหวเร็ว-ช้า-ไม่เคลื่อนไหวแนะแนวทางการจัดการสินค้าเกินจำเป็นเพื่อลดต้นทุนจม จำนวนสินค้าคงคลังและต้นทุนในกระบวนการ ลงได้กว่า 2 ล้านบาท

นอกจากนี้ ในปี 2563-2564 บริษัทฯ ได้ขยายผลโครงการฯ อย่างต่อเนื่องไปยังอีก 10 ธุรกิจ รวมถึงมีเป้าหมายที่จะผลักดันและยกระดับธุรกิจที่มีศักยภาพสู่การเป็น “ศูนย์การเรียนรู้โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์”  ให้ครบใน 18 จังหวัดตามแผนยุทธศาสตร์ทางการค้าของกระทรวงมหาดไทย ภายในปี 2565 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการส่งต่อประสบการณ์การปรับปรุงธุรกิจแก่ผู้ประกอบการทั่วประเทศต่อไป

ทั้งนี้ บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ OTOP และ SMEs ไทย ให้สามารถพึ่งพาตนเอง ตลอดจนสามารถแบ่งปันประสบการณ์ในการพัฒนาธุรกิจแก่ผู้ประกอบการรายอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ  อันจะนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดต่อการสร้างเสถียรภาพแก่เศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้เติบโตอย่าง มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่จะขับเคลื่อนความสุขสู่สังคมไทยต่อไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *