พฤหัส. พ.ย. 21st, 2024

เครื่องยนต์เทอร์โบคู่จากฟอร์ด สุดยอดนวัตกรรมยานยนต์อันโดดเด่น

ฟอร์ด นับว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีการนำเสนอเทคโนโลยียานยนต์และเครื่องยนต์ที่ทันสมัยอยู่เสมอ โดยเฉพาะในเรื่องของเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีอีโคบู๊สต์ในเครื่องยนต์เบนซิน ซึ่งได้นำภาพของเครื่องยนต์ทรงพลังจากทฤษฎีวิศวกรรมยานยนต์มาสู่ความเป็นจริง และนับเป็นนวัตกรรมระดับแนวหน้าทั้งด้านประสิทธิภาพและสมรรถนะที่เหนือชั้นมานานว่าหนึ่งทศวรรษ โดยได้รับรางวัลระดับโลกมาแล้วมากมาย หรือเครื่องยนต์ดีเซล ที่มีการนำนวัตกรรมลักษณะเดียวกันมาใช้เพื่อช่วยให้เครื่องยนต์ขนาดเล็กมอบกำลังที่สูงขึ้น แรงบิดมากขึ้น และประสิทธิภาพที่เหนือชั้น

สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นล่าสุดของฟอร์ดในปัจจุบัน นั่นคือเครื่องยนต์ดีเซลแบบ 2.0 ลิตร มีตัวเลือกเครื่องยนต์แบบเทอร์โบคู่ ที่ผสานการทำงานของเทอร์โบชาร์จเจอร์ 2 ตัวเข้าด้วยกัน ในเครื่องยนต์ที่มีความจุกระบอกสูบเล็กลง ทำให้เครื่องยนต์ขนาดเพียง 2.0 ลิตร มอบกำลังและแรงบิดที่ดีกว่าเครื่องยนต์ขนาดใหญ่กว่า และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการติดตั้งในรถฟอร์ด เรนเจอร์ กระบะพันธุ์แกร่งที่ต้องการกำลังและแรงบิดสูง รวมถึงฟอร์ด เอเวอเรสต์ที่ต้องการความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและความปลอดภัย สมกับการเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์อเนกประสงค์เอสยูวีขนาดกลาง

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เครื่องยนต์เทอร์โบคู่มอบขุมพลังได้เหนือกว่าเครื่องยนต์ที่มีความจุของกระบอกสูบที่ใหญ่กว่า และประหยัดน้ำมันมากกว่า เกิดจากการทำงานของเทอร์โบแบรนด์ Borg Warner สองตัว คือเทอร์โบแรงดันสูงขนาดเล็กและเทอร์โบแรงดันต่ำขนาดใหญ่ที่ทำงานต่อเนื่องและสอดประสานกัน โดยในขณะรถออกตัว เทอร์โบขนาดเล็กที่มีแรงดันสูงจะทำงานร่วมกับเทอร์โบแรงดันต่ำขนาดใหญ่เพื่อให้เกิดแรงบิดและการตอบสนองของเครื่องยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อผู้ขับขี่เริ่มทำความเร็วมากขึ้น เทอร์โบแรงดันต่ำที่มีขนาดใหญ่กว่าจะเข้ามาทำงานแทนเทอร์โบแรงดันสูงทั้งหมด ทำให้รถมีแรงม้ามากขึ้นในความเร็วที่สูงขึ้น นอกจากนี้ เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรนี้ยังมีความทนทานต่อการใช้งานหนัก เพราะกังหันในเทอร์โบทั้งสองลูกผลิตจากโลหะผสมพิเศษที่มีส่วนผสมของนิกเกิลและโครเมียมชนิดออสเทนนิติก หรือที่เรียกว่าอินโคเนล (Inconel) ทำให้ทนต่อความร้อนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการหมุนของเครื่องยนต์สูงถึง 240,000 รอบต่อนาที 

 

เปรียบเทียบระหว่างเครื่องยนต์เทอร์โบและเครื่องยนต์ที่ไม่มีระบบอัดอากาศ

เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จเจอร์ ใช้พลังจากก๊าซไอเสียรถยนต์ในการเคลื่อนย้ายอากาศอัด (Compressed Air) ไปยังห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ทำให้มีแรงดันอากาศมากขึ้นและมีปริมาณอากาศอัดเข้าไปในกระบอกสูบสูงขึ้นในแต่ละครั้ง ส่งผลให้เครื่องยนต์มีกำลังในการขับเคลื่อนได้มากกว่าเครื่องยนต์ทั่วไปที่อาศัยเพียงอากาศที่มีปริมาณเท่าความจุกระบอกสูบเท่านั้น เครื่องยนต์ติดเทอร์โบที่แม้มีขนาดเล็กกว่าจึงสามารถทำงานได้ในระดับเดียวกันหรือมีประสิทธิภาพดีกว่าเครื่องยนต์ที่ไม่มีระบบอัดอากาศ อีกทั้งยังประหยัดน้ำมันได้มากกว่าด้วย 

เครื่องยนต์ที่ไม่มีระบบอัดอากาศ (Naturally Aspirated Engine) หรือเครื่องยนต์ที่ไม่มีเทอร์โบ จะอาศัยอากาศที่เครื่องยนต์ดึงเข้ามาในห้องเผาไหม้โดยตรง ซึ่งปริมาณอากาศที่ไหลเข้ามาจะแปรผันตามสัดส่วนความจุของกระบอกสูบ ดังนั้นยิ่งเครื่องยนต์มีขนาดใหญ่ ปริมาณอากาศที่สามารถดึงเข้าไปยังห้องเผาไหม้ก็มีมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเมื่อไม่มีเทอร์โบเป็นตัวช่วยในการอัดอากาศ เครื่องยนต์จะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อรักษาให้ลูกสูบเคลื่อนที่ จึงทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานต่ำกว่าเครื่องยนต์เทอร์โบ

 

พัฒนาเพื่อประสบการณ์การขับขี่ชั้นเลิศ

โดยทั่วไปเครื่องยนต์ดีเซลมักเป็นที่นิยมใช้ในรถกระบะ รถบรรทุก และรถบัส ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ถูกใช้งานอย่างหนักและขึ้นชื่อว่ามีเสียงดัง ทว่า แม้ว่าเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ของฟอร์ดจะเป็นเครื่องยนต์ดีเซล แต่ฟอร์ดก็ได้พัฒนาเครื่องยนต์ดังกล่าวให้ทำงานได้รื่นหูเสมือนผู้ขับขี่นั่งอยู่ในรถเก๋ง โดยเฉพาะความพยายามในการลดเสียงรบกวนลงได้ถึง 4 เดซิเบล จากการพัฒนาฝาสูบให้มีเสียงรบกวนน้อยลง การใช้โครงรถและอ่างน้ำมันเครื่องที่แข็งขึ้น ฝาครอบด้านหน้าที่ผลิตจากเหล็กกันการเกิดเสียง ไปจนถึงการใช้เสื้อสูบที่ผลิตจากเหล็กหล่อที่ทั้งช่วยลดเสียงและความสั่นสะเทือน และยังสามารถรับมือกับความร้อนจากเครื่องยนต์ได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

“พวกเราได้สร้างสรรค์ส่วนประกอบเครื่องยนต์ทุกชิ้นเพื่อช่วยลดเสียงรบกวน ทำให้เครื่องยนต์เงียบขึ้นและทำงานได้ราบรื่นขึ้น เป็นที่มาของเครื่องยนต์ดีเซลเหนือชั้นที่ผ่านการกลั่นกรองและพัฒนามาอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากที่สุดที่ฟอร์ดเคยมีมา” คุณโดมินิก อีแวนส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสั่นสะเทือนและความรุนแรงจากเสียงรบกวน ฟอร์ด ยุโรป 

นอกจากนี้ ฟอร์ด ประเทศไทย ยังพร้อมยืนเคียงข้างลูกค้าด้วยแคมเปญสุดพิเศษแห่งปี รับประกันเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังนาน 10 ปี หรือ 150,000 กม. แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน สำหรับลูกค้าที่จองและออกรถฟอร์ด เอเวอเรสต์ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ และ ฟอร์ด เรนเจอร์ เฉพาะเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 กันยายน 2563

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *