เสาร์. พ.ย. 23rd, 2024

Porsche Panamera 10 Years Edition รุ่นพิเศษ ฉลองวาระครบรอบ 10 ปี

ปอร์เช่ เฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีให้แก่ยนตรกรรมสายพันธุ์สปอร์ต 4 ประตู พานาเมร่า (Panamera) ด้วยการเปิดตัวรุ่นพิเศษ Porsche Panamera 10 Years Edition มอบความแตกต่างอย่างเหนือระดับให้แก่ผู้ครอบครอง โดยการเพิ่มรายการอุปกรณ์มาตรฐานในส่วนของความสะดวกสบาย และระบบช่วงล่าง รวมไปถึงงานออกแบบที่โดดเด่น บ่งบอกถึงความพิเศษที่ไม่ซ้ำใคร อาทิ ล้ออัลลอยใหม่ ขนาด 21 นิ้ว ลาย Panamera Sport Design สี satin-gloss White Gold Metallic และ ตราสัญลักษณ์ “Panamera10” สี White Gold Metallic ติดตั้งบนประตูหน้าทั้ง 2 ฝั่ง ที่มีเฉพาะรุ่นนี้ เท่านั้น นอกจากนี้ตราสัญลักษณ์ดังกล่าวยังได้รับการติดตั้งภายในห้องโดยสารบริเวณแผงคอนโซล ฝั่งผู้โดยสารตอนหน้า และบนแผ่นปิดธรณีประตู งานตกแต่งภายในเน้นความเรียบหรู ประดับด้วยหนังแท้สีดำคุณภาพสูง เดินตะเข็บสี White Gold สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น พบกับยนตรกรรมสปอร์ตซีดานสุดพิเศษได้ในรุ่น พานาเมร่า 4 (Panamera 4) และ พานาเมร่า 4 อี ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid)

เพิ่มเติมอุปกรณ์มาตรฐานเต็มพิกัด

ปอร์เช่ พานาเมร่า รุ่นพิเศษ ฉลองวาระครบรอบ 10 ปี (Porsche Panamera 10 Years Edition) มาพร้อมอุปกรณ์อำนวย ความสะดวก และเสริมความปลอดภัยเพิ่มเติมหลากหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า LED matrix ซึ่งรวมเอาระบบ PDLS Plus ไว้ด้วยกัน ระบบ Lane Change Assist และ Lane Keeping Assist พร้อมระบบแจ้งเตือนสัญญาณจราจร traffic sign recognition ระบบช่วยเหลือการจอด Park Assist พร้อมกล้องมองหลัง นอกจากนี้ ยนตรกรรมสปอร์ตรุ่นพิเศษ ยังได้รับการติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติม อาทิ ระบบหลังคากระจกพาโนรามิค กระจกตัดแสง privacy glass เบาะนั่งปรับระดับด้วยไฟฟ้า 14 ทิศทางพร้อมระบบปรับอุณหภูมิเบาะ ประทับตราสัญลักษณ์ปอร์เช่ บริเวณหมอนรองศีรษะ ระบบประตูดูดsoft-close วิทยุdigital และระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง
BOSE® Surround Sound

ติดตั้งระบบช่วงล่างถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ adaptive three-chamber air suspension ซึ่งรวมเอาระบบควบคุม เสถียรภาพ Porsche Active Suspension Management (PASM) และระบบพวงมาลัย Power Steering Plus เอาไว้ด้วยกัน ปอร์เช่ พานาเมร่า รุ่นพิเศษ (Panamera10) ยังคงรักษาสมรรถนะการขับขี่และการบังคับควบคุมอันโดดเด่น สไตล์สปอร์ตสายพันธุ์แท้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับ ปอร์เช่ พานาเมร่า รุ่นพิเศษ ฉลองวาระครบรอบ 10 ปี (Panamera 10 Years Edition) รุ่นไฮบริด (Hybrid) มาพร้อมระบบ on-board charger ที่มี charging capacity สูงถึง 7.2 กิโลวัตต์ มากกว่ามาตรฐานทั่วไปที่มีเพียง 3.6 กิโลวัตต์

ปอร์เช่ พานาเมร่า 4 รุ่นพิเศษ ฉลองวาระครบรอบ 10 ปี (Porsche Panamera 4 10 Years Edition) ประจำการ ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน ไบเทอร์โบ ขนาดความจุ 2.9 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 330 แรงม้า (243 กิโลวัตต์) และสำหรับปอร์เช่ พานาเมร่า 4 E-Hybrid รุ่นพิเศษ ฉลองวาระครบรอบ 10 ปี (Porsche Panamera 4 E-Hybrid 10 Years Edition) ผสานพลังเครื่องยนต์เบนซิน ไบเทอร์โบ ขนาดความจุ 2.9 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า สมรรถนะสูงที่ให้กำลังถึง 136 แรงม้า (100 กิโลวัตต์) เมื่อทำงานควบคู่กันสามารถให้พละกำลังสูงสุดกว่า 462 แรงม้า (340 กิโลวัตต์)

เปิดรับคำสั่งซื้อแล้ววันนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่่ โชว์รูม ปอร์เช่ บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ทุกสาขา

ครบรอบ 10 ปี ปอร์เช่ พานาเมร่า (Porsche Panamera) ยนตรกรรมสปอร์ตซาลูนหรูหรา ผู้บุกเบิกขุมพลัง ไฮบริด

เป็นระยะเวลา 10 ปี ที่ปอร์เช่ได้เผยโฉมรถยนต์เพื่อรองรับตลาดกลุ่มใหม่ นั่นคือ พานาเมร่า (Panamera) บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตชั้นนำจากประเทศเยอรมนี นำเสนอยานยนต์แกรนทัวริ่งสายพันธุ์แรกในเดือนเมษายน 2009 นี่คือยานพาหนะหรูที่ไม่มีคู่แข่งรายใดเทียบเคียงได้ รถยนต์ที่ผสมผสานระหว่างสมรรถนะชั้นเลิศที่ผู้ขับขี่สามารถ คาดหวังจะได้รับจากรถสปอร์ต หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับความหรูหราและเปี่ยมอรรถประโยชน์ของรถซาลูน ปัจจุบันเจเนอเรชั่นที่2 ได้รับการผลิตขึ้นที่โรงงานปอร์เช่ Leipzig พร้อมรูปแบบตัวถังที่มีให้เลือกตามความต้องการถึง  3 รูปแบบ ความยอดเยี่ยมที่เหนือล้ำของพานาเมร่า (Panamera) ส่งผลต่อยอดจำหน่ายที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า 250,000 คัน นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรก

ประวัติความเป็นมาของรถสปอร์ต 4 ที่นั่งจากปอร์เช่ สามารถย้อนกลับไปในภูมิหลังของบริษัทเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 70 ปี วิศวกรของปอร์เช่ได้เคยนำเสนอแนวคิดดังกล่าวในช่วงยุค 1950 โดยพวกเขาทำการพัฒนารถยนต์ 4 4 ที่นั่งอันแสนสะดวกสบาย ซึ่งมีพื้นฐานมาจากปอร์เช่ 356 นั่นคือรถยนต์ที่มีชื่อว่า Type 530 มันได้รับการขยายความยาวฐานล้อ เพิ่มขนาดของประตู รวมทั้งยกระดับความสูงของหลังคาห้องโดยสารตอนหลัง ก่อให้เกิดวิวัฒนาการอื่น ๆ ที่ตามมาอีกมากมาย อาทิ รถต้นแบบ 4 ประตูอันมีพื้นฐานมาจากปอร์เช่ 911 (Porsche 911) ต่อมาในช่วงยุค 1980 ปอร์เช่ 928 ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ถึงแม้ว่ารถต้นแบบหลายรุ่นจะไม่ได้รับการอนุมัติให้ผลิตขึ้นเพื่อ จำหน่ายจริงด้วยเหตุผลทางเศรษฐศาสตร์

เริ่มต้นยุคมิลเลเนี่ยม ปอร์เช่ศึกษาทิศทางของตลาดรถยนต์ และวิเคราะห์คู่แข่งอย่างจริงจัง ผลคือการตัดสินใจ พัฒนารถสปอร์ต4ประตูซาลูนทรง hatchback อีกครั้ง ด้วยการวางกลยุทธ์ การพัฒนาเอาไว้โดยมุ่งเน้นที่ความโดดเด่น ด้านสมรรถนะการขับขี่ชั้นเลิศ พื้นที่ภายในห้องโดยสารที่ตอบโจทย์การใช้งาน และเอกลักษณ์งานออกแบบอันเป็น บุคลิกเฉพาะตัวของปอร์เช่ พานาเมร่า (Porsche Panamera) คันแรก หรือที่รู้จักด้วยรหัสเรียกขานภายในองค์กรว่า G1 ได้เผยโฉมสู่สายตาสาธารณชนเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2009 บนชั้น 94 ของ World Financial Center ณ นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ซึ่งถูกพัฒนาให้เหนือล้ำกว่าคู่แข่ง โดยมีแนวคิดหลักที่ผสมผสานระหว่าง ความสปอร์ต และความสะดวกสบาย ทั้งหมดทั้งมวลข้างต้นต้องพรั่งพร้อมด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีระดับเหนือชั้น นับเป็นครั้งแรกสำหรับการติดตั้งระบบ start-stop ในรถยนต์ระดับหรูจากสายการผลิตปกติ นอกจากนี้ในรุ่นเรือธง พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo) ยังได้รับการติดตั้งระบบช่วงล่างแบบถุงลม หรือ air suspension ซึ่งสามารถปรับระดับปริมาตรอากาศภายในได้ ตามความต้องการเป็นครั้งแรกของโลก เช่นเดียวกับ สปอยเลอร์หลัง multi-dimensionally ปรับระดับได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยนตรกรรมแกรนทัวริ่งสุดหรูจากปอร์เช่ยังเป็นผู้กำหนดบรรทัดฐานใหม่ให้แก่รถยนต์รุ่นอื่น ๆ ที่กำลังจะตามมา ด้วยหน้าจอแสดงผลรูปแบบใหม่ และแนวคิดในการควบคุมฟังก์ชันการทำงานผ่านหน้าจอสัมผัส 

ปอร์เช่กำหนดบรรทัดฐานและเป้าหมายหลักในการพัฒนายานพาหนะพลังงานไฟฟ้าโดยอาศัยพานาเมร่าเป็นจุดเริ่มต้นในปี 2011 ด้วยการติดตั้งระบบ parallel full hybrid เป็นครั้งแรกของโลกในรถยนต์ซาลูนระดับหรู พานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S Hybrid) คือหนึ่งในรถยนต์ที่ให้ความประหยัดเชื้อเพลิงดีเยี่ยมที่สุดของปอร์เช่ แม้ว่าจะมีพละกำลังสูงสุดถึง 380 แรงม้าก็ตาม 2 ปีหลังจากนั้น พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid) จึงได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ในฐานะสปอร์ตซีดานขุมพลัง plug-in hybrid คันแรกของโลก ส่งผลให้มีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ พานาเมร่า (Panamera) กลายเป็นผลิตภัณฑ์ยานยนต์ที่เปี่ยมไปด้วยความ สำคัญต่อความแข็งแกร่งของปอร์เช่อย่างยิ่ง ตามมาติด ๆ ในปี 2013 ด้วยรุ่นตัวถัง แกรน ทัวริสโม่ (Gran Turismo) ด้วยพละกำลังมหาศาลติดตัวกว่า 570 แรงม้า พร้อมความสะดวกสบายด้วยการขยายระยะฐานล้อให้ยาวขึ้น นำพาปอร์เช่ย่างก้าวเข้าสู่ตลาดกลุ่มใหม่ได้อย่างสวยงาม 

รุ่นใหม่ล่าสุด เจเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวในปี 2016

กระบวนการพัฒนาปอร์เช่ พานาเมร่า (Porsche Panamera) เจเนอเรชันที่สอง (G2) เกิดขึ้นจากวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย ยิ่งขึ้นกว่าเดิม สิ่งที่ถูกเพิ่มเติมลงในมาตรฐานใหม่ของยนตรกรรมสปอร์ต ซาลูนแกรนทัวริ่ง จากรุ่นปกติ และรุ่นฐานล้อยาว เปิดตัวครั้งแรกของโลกในกรุงเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2016 คือสไตล์ตัวถังที่ 3 ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่บนพื้นฐานเดียวกัน พานาเมร่า สปอร์ต ทัวริสโม่ (Panamera Sport Turismo) เปิดตัวในปี 2017 ด้วยงานออกแบบภายนอกที่เฉียบคม และแนวคิดในการออกแบบตัวถังที่เน้นรองรับความอเนกประสงค์ บนรถยนต์ระดับหรู พานาเมร่า(Panamera) G2 มีภาพลักษณ์ที่สปอร์ตและงามสง่ายิ่งขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งพื้นที่ใช้งานเปี่ยม อรรถประโยชน์เช่นเดิม ภายใต้รูปทรงอันแข็งแกร่งได้ถูกบรรจุนวัตกรรมเทคโนโลยียานยนต์ล้ำสมัยเอาไว้เต็มพิกัด แน่นอนว่ารวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกใหม่ล่าสุด อาทิ หน้าจอแสดงผลความละเอียดสูง พร้อมฟังก์ชันควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในตัวรถด้วยระบบสัมผัส ระบบช่วงล่างถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ three-chamber air suspension ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง rear-axle steering และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ PDCC Sport electromechanical roll stabilisation

ยิ่งไปกว่านั้น พานาเมร่า (Panamera) ยังถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติด้านสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมไม่ว่าจะบนเส้นทางสาธารณะ หรือแม้แต่ในสนามแข่ง ความเร็วสูง เครื่องยนต์เบนซินบล็อกใหม่ถูกนำมาเสริมทัพอย่างลงตัว ตอบสนองต่อความต้องการในทุกระดับความแรง เริ่มต้นตั้งแต่ 330 แรงม้า จนถึง 550 แรงม้า เต็มพิกัดความแรงด้วยรุ่นขุมพลังไฟฟ้าสมรรถนะสูง plug-in hybrid เจเนอเรชั่นที่ 2 ระบบ boost strategy ซึ่งได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากยนตรกรรมซูเปอร์สปอร์ต 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) เสริมประสิทธิภาพการทำงานให้รถแกรนทัวริ่งสามารถกระทบไหล่กับสปอร์ตพันธุ์แท้ได้อย่างไม่เป็นรอง โดยมีรุ่นเรือธงคือ พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) ที่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 680 แรงม้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *