คาลเท็กซ์ เดินหน้าส่งต่อความห่วงใย ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ ช่วยเหลือชุมชนฝ่าวิกฤตโควิด
บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมันคุณภาพระดับโลกภายใต้แบรนด์ “คาลเท็กซ์” เดินหน้าส่งต่อความห่วงใย มอบถุงยังชีพ บรรเทาความเดือดร้อนที่พี่น้องในชุมชนเพื่อนบ้านได้รับจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในปัจจุบัน
ดร. ศรุต วิทยารุ่งเรืองศรี ผู้จัดการฝ่ายกิจการองค์กร บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “บริษัทมีความห่วงใยพี่น้องที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ และเดือดร้อนจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนในหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านการจ้างงาน ด้านรายได้ รวมไปถึงการอุปโภคบริโภค บริษัทจึงได้เดินหน้าสานต่อโครงการ “คาลเท็กซ์ ห่วงใยคนไทย ร่วมใจต้านไวรัส โควิด-19” โดยล่าสุด ได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยือนและมอบถุงยังชีพให้กับเพื่อนบ้านในชุมชนโรงสี และชุมชนคาลเท็กซ์ ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับที่ทำการบริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด กว่า 350 ครัวเรือน โดยภายในประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช น้ำปลา รวมถึงของใช้ที่จำเป็นอื่น ๆ บริษัทมีความตั้งใจที่จะแบ่งเบาความทุกข์ยากของชาวชุมชนซึ่งส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับจ้าง เมื่อธุรกิจเกิดการชะลอตัวทำให้อัตราการจ้างงานลดลง และส่งผลกระทบกับคนในชุมชนเป็นอย่างมาก บริษัทหวังว่าการช่วยเหลือชุมชนในครั้งนี้ จะมีส่วนในการเยียวยาและช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ได้เห็นรอยยิ้มของพี่น้องคนไทย และหวังว่าจะเห็นคนไทยช่วยเหลือและสามัคคีกัน เพื่อให้ประเทศไทยอยู่รอด และผ่านวิกฤตของไวรัส โควิด-19 ไปด้วยกัน”
ที่ผ่านมา บริษัทได้มีส่วนเข้าไปช่วยเหลือในหลายภาคส่วน เพื่อเสริมสร้างความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อาทิ มอบเจลแอลกอฮอล์ ให้กับชุมชุมเพื่อนบ้านทั้งชุมชนโรงสี และชุมชนคาลเท็กซ์ รวมถึงชุมชนบริเวณใกล้เคียงคลังน้ำมันร่วม จังหวัดสุราษฎร์ธานี และยังได้เพิ่มมาตรการความปลอดภัย และสุขอนามัยของบุคลากรในสถานีบริการน้ำมันและผู้ใช้บริการ โดยให้บุคลากรหน้าลาน สวมใส่หน้ากากอนามัยขณะปฏิบัติหน้าที่และล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ 70 % รวมไปถึงเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ตลอดจนได้ทำการส่งมอบหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ให้แก่เครือข่ายสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ทั่วประเทศ เพื่อป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความปลอดภัยและความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคอีกด้วย”
