เอชพี อิงค์ ประเทศไทย แชร์ผลสำรวจเจ้าของกิจการแถบเอเชียตะวันเฉียงใต้ ซึ่งมีการสอบถามความเห็นของเจ้าของธุรกิจด้านแรงจูงใจ จริยธรรมและความคาดหวังด้านเทคโนโลยีต่อธุรกิจ
“เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่แตกต่างและเปลี่ยนแปลงเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมีแนวโน้มพัฒนาในเชิงบวกจากการขยายตัวของชนชั้นกลาง ประชากรวัยหนุ่มสาวมีการศึกษาเพิ่มขึ้น และการเติบโตของเศรษฐกิจที่หลากหลาย ผ่านเสียงสะท้อนของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่มุ่งมั่นที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อครอบครัว ชุมชนและโลกใบนี้” นายลิม ชุน เต็ก กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอชพี อิงค์ ประเทศไทย กล่าว “เอชพี ทุ่มเทเพื่อสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่เชื่อถือได้ นั่นหมายถึงการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการให้สามารถสร้างความได้เปรียบและสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก”
ผลการสำรวจพบว่า เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อชุมชนและเน้นวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนของธุรกิจสูงกว่าทวีปอื่นทั่วโลก พวกเขายังปรับตัวตามเทคโนโลยีมากขึ้นและหาพาร์ทเนอร์ที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโต
ในภูมิภาคนี้ ครอบครัวยังเป็นหัวใจสำคัญที่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กยึดถือ ซึ่งเป็นเหตุผลอันดับแรกที่พวกเขาเริ่มต้นธุรกิจ ความสำเร็จทางธุรกิจจะต้องมาก่อนและสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ และเกือบสองในสามหรือกว่าสิบประเทศที่สำรวจมีความคาดหวังว่าจะสร้างธุรกิจเพื่อเป็นมรดกตกทอดส่งต่อไปยังสมาชิกครอบครัวรุ่นต่อไป
เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังมีความคาดหวังในเชิงบวกสูงถึงโอกาสของธุรกิจ ในประเทศไทย 91% ยอมรับว่าธุรกิจของพวกเขาจะสร้างชีวิตที่ดีขึ้นให้กับครอบครัว และ 77% เชื่อว่าลูกๆ จะมีชีวิตที่ดีกว่าพวกเขา และ 89% มีแรงจูงใจที่จะสร้างบริษัทของพวกเขาให้มั่นคงยิ่งขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงความล้มเหลว
การมุ่งมั่นทุ่มเทให้ครอบครัวเป็นเหตุผลว่า ทำไมเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความมุ่งมั่นมากกว่าประเทศอื่นๆ ในโลก 79% ระบุว่า เจ้าของธุรกิจมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และ 76% เชื่อว่าพวกเขาควรมีส่วนช่วยชุมชน เมื่อเทียบกับ 65% ในสหราชอาณาจักร และ 64% ในสหรัฐอเมริกาที่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กยอมรับหน้าที่ในการปกป้องสิ่งแวดล้อม ส่วนบริษัทในประเทศเยอรมนีมีเพียง 42% เท่านั้นที่รู้สึกผูกพันกับชุมชน
เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความเคร่งครัดในหลักการดำเนินธุรกิจ โดย 65% ของเจ้าของธุรกิจชาวไทยเลือกที่จะไม่ขยายธุรกิจหากการเติบโตไม่สอดคล้องกับค่านิยมของพวกเขา และ 69% จะไม่ร่วมงานกับบริษัทที่เขารู้สึกว่าบริษัทนั้นไม่ให้การสนับสนุนชุมชน ซึ่งเป็นเกณฑ์การตัดสินใจเดียวกันหากไม่เคารพบรรทัดฐานทางวัฒนธรรม สิทธิของกลุ่มที่ด้อยโอกาสและสตรี
ความต้องการทางเทคโนโลยีของธุรกิจขนาดเล็ก
เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 70% กังวลอย่างมากเรื่องการตามเทคโนโลยีให้ทัน พอๆ กับการปรับตัวให้เข้ากับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน หัวใจหลักของการทำธุรกิจยุคใหม่คือพรินเตอร์ โดยเจ้าของธุรกิจในประเทศไทยมากกว่า 85% ใช้พรินเตอร์ และ 64% ยอมรับว่าธุรกิจของพวกเขาไม่สามารถดำเนินต่อได้หากไม่มีพรินเตอร์
76% ของเจ้าของธุรกิจมองว่าพรินเตอร์กลายเป็นผู้ช่วยด้านเทคโนโลยีและต้องการให้พรินเตอร์ทำงานได้มากกว่าแค่พิมพ์ แต่ 66% ของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กรู้สึกว่าสิ่งที่ต้องการจากพรินเตอร์กับสิ่งที่ผู้ผลิตนำเสนอในพรินเตอร์ไม่สอดคล้องกัน
เอชพี จึงได้พัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์นี้โดยคิดค้นพรินเตอร์พร้อมนวัตกรรมที่ตอบโจทย์กลุ่มธุรกิจขนาดเล็กในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจ้าของธุรกิจไม่เพียงแต่คาดหวังว่าเทคโนโลยีช่วยในการจัดการงานธุรกิจเท่านั้น แต่การใช้งานพรินเตอร์จะต้องสะดวกสบาย:
– HP Smart Tank พรินเตอร์แทงก์แท้ที่พิมพ์ได้ปริมาณมาก ช่วยประหยัดต้นทุน ง่ายต่อการเติมหมึก และมีการแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อหมึกเหลือน้อย
– HP Smart App ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์และสแกนจากทุกที่ทุกเวลา พร้อมฟีเจอร์ใหม่ เช่น ถ่ายภาพใบแจ้งหนี้และสแกนให้ฝ่ายบัญชี หรือสามารถแปลงลายมือบนกระดาษโน้ตที่เขียนไว้ให้เป็นไฟล์ที่สามารถแก้ไขได้
นวัตกรรมหมึกแท้จาก HP
ความเป็นผู้นำและความเชี่ยวชาญด้านการผลิตหมึกของเอชพี เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสามารถมั่นใจได้ว่าเอกสารสำคัญทางธุรกิจที่พิมพ์ด้วยหมึกแท้จากเอชพีจะคงอยู่ในอีกร้อยปีข้างหน้า หากจัดเก็บเอกสารไว้ในที่ที่เหมาะสม
หากบริษัทเลือกพิมพ์โดยใช้หมึกเทียบหรือโทนเนอร์ที่ไม่ใช่ของแท้ บริษัทอาจต้องเสี่ยงต่อคุณภาพและต้นทุนแฝงที่เพิ่มขึ้น การใช้หมึกพิมพ์เลียนแบบอาจมีโอกาสให้เครื่องเสียเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า(a) ก่อให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 10% ในระยะยาวและจำนวนงานพิมพ์ที่ใช้งานได้จริงลดน้อยลง โดยเฉลี่ย 31%(b) เมื่อเทียบกับการใช้หมึกแท้ของเอชพี
นอกจากนี้ ยังอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมหากบริษัทใช้หมึกและผงหมึกเลียนแบบ หมึกเลียนแบบมีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่า 55% เมื่อเทียบกับตลับหมึกแท้เอชพี และใช้เชื้อเพลิงสิ้นเปลืองมากขึ้น 54% ใช้พลังงานมากกว่า 40%(c) และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ 97% ของตลับหมึกเลียนแบบจะถูกทิ้งแบบฝังกลบ(d)
หมึกแท้เอชพีสร้างความแตกต่างโดยมีกระบวนการการผลิตที่คำนึงถึงความยั่งยืนเป็นสำคัญ ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา เอชพีได้ใช้พลาสติกรีไซเคิลมากกว่า 218 ล้านปอนด์ในการผลิตตลับหมึก(e) ปัจจุบันนี้ตลับหมึกมากกว่า 80% และ100% ของตลับโทนเนอร์ของเอชพีมีส่วนประกอบจากวัสดุรีไซเคิล(f)
“งานพิมพ์คุณภาพช่วยให้เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสร้างความสำเร็จทางธุรกิจได้มากขึ้น ทั้งยังช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้ามากขึ้นด้วย ขณะเดียวกัน เอชพี ตระหนักดีว่าเจ้าของบริษัททั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องการวิธีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน สำหรับผู้ประกอบการที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมจึงเจาะจงเลือกหมึกแท้ของเอชพี”